ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน นอกจากต้องระวังเรื่องสุขภาพทางกายแล้ว สุขภาพทางใจก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตตามวิถีคนเมืองที่มักเร่งรีบ เคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้บางคนต้องเผชิญกับอาการเครียดสะสม แพนิค วิตกกังวล โดยที่คุณอาจไม่ทันได้ตั้งตัว!
รู้หรือไม่! “โรคแพนิค” เป็นอาการยอดฮิตที่พบได้บ่อยในคนวัยหนุ่มสาวและวัยทำงาน ราว ๆ ช่วงอายุ 20-30 ปี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
วันนี้ Herbitia จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “โรคแพนิค” ให้ลึกมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้หาวิธีรับมือตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการบานปลายจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่รบกวนจิตใจในอนาคต ไปดูกันเลยค่ะ
ทำความรู้จัก “โรคแพนิค”
โรคแพนิค (Panic Disorder) ถือเป็นโรควิตกกังวลอีกประเภทหนึ่ง ที่เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ส่งผลให้สารสื่อประสาทในสมองและระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติไป ทำให้สมองหลั่งสารตื่นตระหนกออกมา ผู้ป่วยจะรู้สึกกลัวและตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย อาทิเช่น
- หัวใจเต้นแรง ใจสั่น ตัวสั่น
- วิงเวียน เหมือนจะเป็นลม
- หายใจถี่ แน่นหน้าอก
- ท้องไส้ปั่นป่วน
- ตัวชา ควบคุมตัวเองไม่ได้
อาการแพนิค จะมีความรุนแรงมากกว่าความเครียดทั่วไป และสามารถพัฒนากลายเป็นโรคซึมเศร้าได้!!
4 สาเหตุ เร่งให้คุณเป็น “แพนิค”
สำหรับสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพนิค พบว่ามีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
1. กรรมพันธุ์
จากสถิติพบว่า หากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคแพนิค ตัวคุณเองก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการแพนิคได้ง่ายมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า!!
2. พฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพนิคได้ เช่น
- การทำงานอย่างเคร่งเครียด จนไม่มีเวลาได้ผ่อนคลาย
- เผชิญกับความกดดัน เร่งรีบอยู่ตลอดเวลา
- นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
พฤติกรรมเหล่านี้ นานวันเข้า จะยิ่งทำให้เกิดความเครียดสะสมตามมา จนทำให้มีอาการ “แพนิค” เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
3. เคยผ่านเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ
จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตมาก่อนโดยเฉพาะในวัยเด็ก ย่อมมีแนวโน้มที่จะมีโอกาสเป็นโรคแพนิคได้มากกว่าคนทั่วไป เช่น
- การสูญเสียพ่อแม่หรือคนรักตั้งแต่ยังเด็ก
- การถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก
- เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- เคยถูกทำร้ายร่างกาย
เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น อาจทำให้สารเคมีในสมองเสียสมดุล ทำให้มีโอกาสเกิดอาการแพนิคได้มากกว่าคนทั่วไป
4. การใช้สารเสพติดและยาบางชนิด
การใช้สารเสพติด จะทำให้สมองทำงานผิดปกติไป และมีผลทำให้สารเคมีในสมองเสียสมดุล รวมทั้งการใช้ยาบางชนิดที่มีฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดอาการใจสั่น ก็ล้วนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการแพนิคได้เช่นกัน
6 วิธี บอกลา “อาการแพนิค” อย่างได้ผล!
“โรคแพนิค” หากปล่อยไว้ไม่ดีแน่! เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณควรทำ คือ หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพจิตใจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้จิตใจแจ่มใส ห่างไกลจาก “โรคแพนิค” ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
- นั่งสมาธิ ฝึกการหายใจ เพื่อควบคุมสติ เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด ลดอาการแพนิคลงได้
- ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหากอดหลับอดนอน จะทำให้อาการกำเริบได้
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ขณะออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข ที่ชื่อว่า “Endorphin” ซึ่งจะทำให้เราอารมณ์ดี ช่วยลดอาการเครียด แพนิคได้เป็นอย่างดี
- งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท อาจทำให้อาการกำเริบได้
- พยายามมองโลกในแง่ดีให้เป็นนิสัย
นอกจากนี้ ควรเสริมด้วยการทานวิตามินหรือสมุนไพรที่ช่วยปรับสมดุลสมอง ผ่อนคลายความเครียด ลดอาการแพนิค วิตกกังวล เช่น กิงโกะ กาบา คาโมมายล์ เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากใครที่มีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพจิตที่ดีในอนาคตนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก…
