ความวิตกกังวล ถือเป็นหนึ่งในสภาวะอารมณ์ของมนุษย์ที่หลีกเลี่ยงได้ค่อนข้างยากค่ะ ยิ่งในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของโรคระบาดโควิด-19 สภาวะเศรษฐกิจ และสภาพสังคม ส่งผลให้ความวิตกกังวลเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เลยล่ะค่ะ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโรควิตกกังวลและวิธีการรับมือกับโรคนี้กันค่ะ
โรควิตกกังวล น่ากลัวกว่าที่คิด
โรควิตกกังวล เกิดจากความวิตกกังวลที่มากเกินไป และถูกสะสมมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังเกิดจากอีกหลายสาเหตุด้วยกันค่ะ ทั้งจากความผิดปกติทางจิตใจ ความไม่สมดุลของสารในสมอง เป็นต้น นอกจากจะส่งผลกระทบทางจิตใจแล้ว โรคนี้ยังส่งผลต่อร่างกายได้ด้วย เช่น อาจทำให้ผู้ป่วยนอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ อีกทั้งยังนำไปสู่โรคแพนิคได้อีกด้วย
อาการของโรคแพนิค คือรู้สึกตื่นตระหนกและกังวลโดยไม่มีสาเหตุ ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก แน่นหน้าอก เวียนหัว วูบ และอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ค่ะ
สำหรับใครที่เริ่มมีอาการดังกล่าวข้างต้นแล้วล่ะก็ ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะวันนี้เราได้รวบรวมวิธีการผ่อนคลายความวิตกกังวล อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมาให้ทุกท่านแล้ว และต้องขอบอกเลยนะคะว่า วิธีเหล่าสามารถทำตามได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้ยา และที่สำคัญเป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุเลยค่ะ
1. ปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนคติ
หากวันนี้เรามีความคิดในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก ความคิดเหล่านี้จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความรู้สึกเครียด เหนื่อยล้า และไม่มีความสุขค่ะ ฉะนั้น การปรับทัศนคติของตัวเองให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี และมีความสุขในชีวิต จึงเป็นวิธีที่ได้ผลในระยะยาวและยั่งยืนค่ะ
2. หาเวลาผ่อนคลายบ้าง
การได้ทำกิจกรรมสนุก ๆ นั้น นอกจากจะช่วยให้เรารู้สึกคลายความวิตกกังวลได้แล้ว ยังเป็นการช่วยให้เราหลุดโฟกัสจากความเครียดได้อีกด้วยค่ะ แทนที่จะนั่งทำงานเครียดทั้งวัน ลองแบ่งเวลาสัก 1-2 ชั่วโมง มานั่งฟังเพลง ดูหนัง เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวบ้างก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ
3. ออกกำลังกาย
การที่เรานั่งทำงานทั้งวันจนร่างกายอ่อนล้านั้น ก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจเราได้เช่นกันค่ะ ลองแบ่งเวลาพักผ่อนระหว่างการทำงานดูบ้าง โดยการลุกขึ้นมาเดินเล่นในสวน ยืดเส้นยืดสาย สัก 10-15 นาที หรือหากมีเวลามากขึ้น อาจลองออกกำลังกายเบา ๆ ดู นอกจากจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย หายเครียดแล้วเนี่ย ยังได้สุขภาพดีแถมไปอีกด้วยนะคะ
4. ทำสมาธิ
การทำสมาธิเป็นการฝึกจิตอีกรูปแบบนึงค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลายความวิตกกังวลได้อีกด้วยค่ะ
5. งานอดิเรก
การได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ถือว่าเป็นวิธีที่ส่งพลังงานในเชิงบวกให้กับร่างกายและจิตใจได้ในระดับดีมากทีเดียวค่ะ การแบ่งเวลาให้กับสิ่งที่ตัวเองชอบ เช่น ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ วาดภาพ นอกจากจะช่วยสร้างความสุขให้กับร่างกายและจิตใจแล้วนั้น ก็อาจจะสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเราได้อีกด้วยนะคะ