“พรมมิ” (Brahmi) หรือที่เรียกกันว่าผักมิ ผักหยดน้ำตา ถือเป็นผักพื้นบ้านของไทยที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จัก และไม่คุ้นหู คุ้นตากันมาก่อน แต่รู้หรือไหมว่า? ผักชนิดนี้แฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมายในการบำรุงสุขภาพ โดยมีงานวิจัยรับรอง ดังนี้

รู้หรือไม่ ! คนไทยในแถบภาคอีสาน นิยมนำ “พรมมิ” มารับประทานเป็นผักลวกจิ้ม ทานคู่กับน้ำพริกอีกด้วย

1. บำรุงสมอง ฟื้นฟูความจำ

“พรมมิ” มีสารสำคัญในกลุ่มซาโปนิน (Saponins) ได้แก่ Bacoside XI, Bacoside I และ Bacosaponin C ที่ช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์ประสาทคอลิเนอร์จิก (Cholinergic neuron) ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างและหลั่งสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ที่ช่วยเสริมสร้างความจำ ลดอาการหลงลืม

นอกจากนี้ “พรมมิ” ยังช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ Acetylcholinesterase (AChE) ที่เป็นตัวทำลายสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ในสมองได้อีกด้วย

มีงานวิจัยที่ศึกษาการใช้  พรมมิ” ในผู้สูงอายุที่มีภาวะสูญเสียความจำ โดยให้ทานสารสกัดพรมมิ วันละ 300-450 mg. (ให้ Bacoside อย่างน้อย 40%) พบว่า มีทักษะในการเรียนรู้และความจำดีขึ้น

เกล็ดน่ารู้ ! “พรมมิ” ช่วยบำรุงสมองได้ดีเทียบเท่ากับการใช้กิงโกะ (แป๊ะก๊วย) และโสมชั้นดีที่นำเข้าจากต่างประเทศ

2. เพิ่มสมาธิ ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก 

ใน “พรมมิ” มีสารสำคัญในกลุ่มอัลคาลอยด์อย่าง ซาโปนิน ไตรเทอร์ปีน (Triterpenes) Bacoside A Bacoside B และ Bacosaponines D ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานและเพิ่มปริมาณสารสื่อประสาท ส่งผลให้การประมวลผล ความคิด ความจำ และการเรียนรู้ของสมองทำงานได้ดีขึ้น

มีงานวิจัยที่ศึกษาการใช้สารสกัดพรมมิในเด็กสมาธิสัั้น โดยให้ทาน สารสกัดพรมมิ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ดีขึ้น  นอกจากนี้ พัฒนาการด้านการพูดและภาษาของเด็ก ๆ ยังดีขึ้นอีกด้วย

3. ป้องกันอัลไซเมอร์ 

“พรมมิ” มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเตอเรส (Acetylcholinesterase) ที่เป็นสาเหตุในการทำลายเซลล์ประสาทและเซลล์สมอง จึงช่วยป้องกันเซลล์สมองเสื่อม และลดโอกาสการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้นั่นเอง

นอกจากนี้ “พรมมิ” ยังช่วยขยายเส้นเลือดในสมองทำให้การหมุนเวียนเลือดดีขึ้น เลือดจึงนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ทำให้เซลล์สมองแข็งแรงและมีอายุยืนยาว

4. แก้เครียด ลดวิตกกังวล คลายซึมเศร้า

จากการศึกษาพบว่า “พรมมิ” ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล นอกจากนี้ยังเพิ่มการสร้าง และลดการสลายตัวของสารสื่อประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคซึมเศร้า

มีงานวิจัยฉบับหนึ่ง ที่ทดลองให้อาสาสมัครทานสารสกัดพรมมิ 300 mg./วัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ความวิตกกังวล และอาการซึมเศร้าลดลง เมื่อ่เทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) 

ดังนั้น จึงพิสูจน์ได้ว่า “พรมมิ” มีคุณสมบัติช่วยลดความเครียด คลายความกังวล และลดอาการซึมเศร้าได้จริง

5. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

“พรมมิ” มีสารสำคัญชื่อว่า “บาโคไซด์” ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิด Lipid peroxidation ในสมอง ที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ประสาท ลดการเกิดโรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ และพาร์กินสันได้

มีงานวิจัยที่ศึกษาการใช้สารสกัด “พรมมิ” ในหนูทดลองที่มีภาวะสมองเสื่อม พบว่า พรมมิช่วยลดการทำลายอนุมูลอิสระในสมอง และฟื้นฟูความจำในหนูได้

6. ช่วยลดการอักเสบ 

จากการศึกษาพบว่า “พรมมิ” ช่วยลดการอักเสบได้  โดยมีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งไซโตไคน์ (Cytokines) ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ

มีงานวิจัยที่ศึกษาการใช้สารสกัดพรมมิในหนูขาว โดยให้สารสกัดพรมมิ 500 mg./น้ำหนักตัวหนู 1 kg. พบว่า สามารถลดอาการปวดกล้ามเนื้อในหนูได้ถึง 60% 

ยิ่งไปกว่านั้น !! ยังพบว่า พรมมิ” มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเทียบเท่ากับการใช้ยาไดโคลฟีแนค และอินโดเมธาซิน ซึ่งเป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) อีกด้วย

7. มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรีย

สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) และซาโปนิน ในสารสกัด “พรมมิ” มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต และการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียได้

อกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาฤทธิ์การต้านแบคทีเรียในสารสกัดจากใบพรมมิ พบว่า สามารถฆ่าแบคทีเรียได้เทียบเท่ากับการใช้ยา Ciprofloxacin ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้

“ด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายนั้น “พรมมิ” จึงถือเป็นทางเลือกใหม่ ที่สายสุขภาพและผู้ที่ต้องการบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ ไม่ควรพลาดเลยนะคะ”