อาการ ตาพร่า ตามัว (Blurred Vision) คือ ภาวะที่ดวงตามองเห็นไม่คมชัดหรือเห็นเป็นภาพเบลอ ซึ่งอาจเกิดได้กับคนวัยหนุ่มสาวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งหลายคนคงสัยว่าตาพร่า ตามัว เกิดจาก อะไร วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
สาเหตุที่พบได้ทั่วไปของอาการตาพร่า ตามัว เกิดจาก >>กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า การใช้สายตาที่มากเกินไป รวมถึงการจ้องจอ หรือดวงตาสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน<< ซึ่งโดยปกติแล้ว แค่พักสายตาสักครู่อาการตาพร่ามัวก็สามารถหายไปได้
แต่หากอาการตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด เริ่มเป็นถี่และรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเป็นไปได้ว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนของโรคบางอย่าง!!
“ตาพร่า ตามัว” สัญญาณเตือนของโรคต่อไปนี้
1. สายตาสั้น/ยาว/เอียง
“สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง” เป็นความผิดปกติของสายตาที่อาจเกิดได้จากการใช้งานดวงตาที่ไม่ถูกต้อง ขาดการถนอมสายตาอย่างที่ควรจะเป็น รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้นก็มีผลต่อระยะการมองเห็นของดวงตาเช่นกัน
หากมีภาวะสายตาสั้น ยาว หรือเอียง สามารถแก้ได้ด้วยการสวมแว่นตา และควรตรวจอาการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าอาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการเริ่มต้นของโรคต้อกระจก
2. โรคจอประสาทตาเสื่อม
“โรคจอประสาทตาเสื่อม” พบมากในผู้สูงอายุ เกิดจากความเสียหายที่จอประสาทตา ทำให้การมองเห็นบกพร่อง มีอาการตามัว สีสันผิดเพี้ยน ตาสู้แสงไม่ไหว ซึ่งสาเหตุของโรคเกิดได้จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น การดื่มสุราและสูบบุหรี่ การใช้งานสายตาโดยไม่ถนอม และอาจเกิดได้จากโรคบางชนิดอย่างเช่นความดันสูง
โรคจอประสาทตาเสื่อมจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในช่วงแรก
3. โรคต้อหิน
สาเหตุของโรคต้อหิน คือ การที่ความดันในลูกตาสูงเกินมาตรฐานจนทำให้เส้นประสาทตาถูกกดทับ ขั้วประสาทตาค่อยๆ ถูกทำลายจนส่งผลต่อการมองเห็น ซึ่งอาการของโรคที่มักแสดงออกมาในระยะแรก คือการมองเห็นภาพแคบลงเรื่อย ๆ ตาพร่า ตามัว เห็นจุดแสง และการแยกสีผิดปกติ
ปัจจุบัน โรคต้อหินสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด เลเซอร์ และใช้ยาเพื่อลดความดันลูกตา
4. โรคต้อกระจก
หากคุณเริ่มมีอาการตาพร่ามัวคล้ายกับมีหมอกบาง ๆ ปกคลุมการมองเห็น เลนส์ตาเปลี่ยนเป็นสีขุ่น มองเห็นภาพซ้อน มองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากเดิม เป็นไปได้ว่านี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต้อกระจก
โรคต้อกระจก คือภาวะที่เลนส์ตาเกิดการขุ่นมัว ทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นบกพร่อง ส่งผลต่อค่าสายตาและการรับแสงที่จอประสาทตา
5. โรคเยื่อบุตาอักเสบ
ผู้ที่มีปัญหาเยื่อบุตาอักเสบจะมีอาการเคืองตา ตาแดง เยื่อบุตาบวม มีน้ำตามากกว่าปกติ ส่งผลให้ ตาพร่ามัว เริ่มมีอาการมองเห็นไม่ชัด นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการเยื่อบุตาอักเสบ อาจมีไข้ หรือการหายใจผิดปกติร่วมด้วย
“เยื่อบุตาอักเสบ” เกิดจากการติดเชื้อและอักเสบที่เยื่อบุตา สามารถรักษาให้หายเองได้ในภายใน 1 สัปดาห์ หากมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
6. โรคไมเกรน
ผู้ป่วยโรคไมเกรนจะมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง ซึ่งก่อนเกิดอาการปวดศีรษะผู้ป่วยโรคไมเกรนมักมีอาการปวดตา ตาพร่ามัว เห็นแสงระยิบระยับหรือมองเห็นแสงวาบเป็นเส้นๆ หากคุณมีอาการดังกล่าวเป็นไปได้ว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคไมเกรน
สำหรับผู้ป่วยโรคไมเกรนบางราย อาจมีอาการตามัวมองเห็นไม่ชัด เห็นภาพที่บิดเบี้ยวไปจากความจริง
7. โรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน ถือเป็นโรคยอดนิยมที่พบเจอได้บ่อย ซึ่งหากคุณมีอาการตาพร่ามัว แยกความแตกต่างของสีได้ยาก การมองเห็นบกพร่อง ควบคู่กับภาวะน้ำหนักลดลงอย่างผิดปกติ กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย มีอาการชาตามนิ้วมือนิ้วเท้ารวมถึงแผลหายยาก ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าโรคเบาหวานกำลังถามหาคุณแล้ว
โรคเบาหวาน คือ ภาวะที่ร่างกายมีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่โรคอันตรายอื่น ๆ ได้
อาการ ตาพร่า ตามัว หากมองเพียงผิวเผินอาจดูไม่อันตราย แต่หากปล่อยไว้นานโดยขาดการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นในอนาคตได้ นอกจากนี้ อาการ ตาพร่ามัว บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคบางอย่างได้
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
>>>>บทความ – Herbitia
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก