เมื่ออายุมากขึ้น สายตาก็เริ่มฝ้าฟาง มองอะไรไม่ค่อยชัดเหมือนแต่ก่อน ได้ยินแบบนี้ หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากความเสื่อมตามวัย แต่นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือน!! ของภาวะ “ต้อกระจก”

ซึ่งทุกคนทราบไหมว่า? “ต้อกระจก” ถือเป็นโรคตาที่ร้ายแรงมาก เพราะเป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกตาบอดมากที่สุด สำหรับประเทศไทย พบว่า มีผู้ป่วยต้อกระจกทั่วประเทศสูงถึง 51.6% และมีอาการตาบอดจากต้อกระจกราว ๆ 100,000 ราย/ปี เลยทีเดียว

ทำความรู้จัก “โรคต้อกระจก”

ต้อกระจก เกิดจากโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของเลนส์แก้วตา (Lens) จับตัวกัน และขยายขนาดใหญ่ขึ้น จนทำให้เลนส์แก้วตามีความขุ่นมัวขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้จอประสาทตารับภาพได้ไม่ชัดเจน นำไปสู่อาการดังต่อไปนี้

  • ตาพร่ามัว เห็นภาพเบลอ เหมือนมีฝ้าหรือหมอกมาบัง
  • เห็นภาพซ้อน
  • แพ้แสงจ้า สู้แสงสว่างไม่ได้ มองเห็นแสงไฟกระจาย โดยเฉพาะเวลาขับรถตอนกลางคืน
  • เห็นสีภาพผิดเพี้ยนไปจากเดิม

ส่วนปัจจัยหลักที่ทำให้เกิด “ต้อกระจก” มาจากอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งพบมากในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน อาทิเช่น กรรมพันธุ์ ดวงตาได้รับรังสี UV เป็นเวลานาน เคยได้รับอุบัติเหตุบริเวณดวงตา หรือใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นเวลานาน เป็นต้น

รู้หรือไม่ ! หากละเลย ปล่อยให้เลนส์ตากลายเป็นสีขุ่นขาวทั้งหมด จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่าง “ต้อหิน” ตามมาได้

งานวิจัย ป้องกัน “ต้อกระจก” ด้วย ลูทีนและซีแซนทีน

มีงานวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health; NIH) ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทำการศึกษาผลของ “ลูทีนและซีแซนทีน” ในการป้องกันการเกิดภาวะต้อกระจก เปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก (placebo)

โดยงานวิจัยมีวิธีการทดลอง ดังนี้

1. คัดเลือกอาสาสมัคร 

อาสาสมัครเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะ “ต้อกระจก” จำนวน 3,159 คน โดยมีอายุระหว่าง 50-85 ปี

2. แบ่งกลุ่มอาสาสมัคร

ในการทดลอง จะแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

  1. กลุ่มที่ได้รับลูทีน 10 มก. และซีแซนทีน 2 มก. ต่อวัน จำนวน 787 คน
  2. กลุ่มที่ได้รับยาหลอก (placebo) จำนวน 775 คน

3. วิธีวัดผลการทดลอง

วัดผลการทดลอง โดยให้อาสาสมัครเข้ารับการตรวจตาจากจักษุแพทย์เป็นประจำทุกปี ด้วยการใช้ “Slit lamp” ซึ่งเป็นเครื่องมือพิเศษที่ใช้ในการตรวจดูลักษณะของเลนส์แก้วตา

การตรวจตาโดยใช้ “Slit lamp”

4. ผลการทดลอง

หลังจากการทดลองเป็นเวลา 5 ปี พบว่า กลุ่มที่ได้รับลูทีน 10 มก. และซีแซนทีน 2 มก. ต่อวัน มีความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกลดลง 32% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก

สรุปผลจากงานวิจัย

จากการทดลองสรุปผลได้ว่า การทาน “ลูทีนและซีแซนทีน” เป็นประจำ สามารถป้องกันหรือชะลอการเกิดต้อกระจกได้

ที่มา : Age-related Eye Disease Study 2 (AREDS2) Research Group.  2013.  Lutein/zeaxanthin for the treatment of age-related cataract: AREDS2 randomized trial report no. 4.  JAMA Ophthalmol 131 (7): 843–850.

ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ยังไม่มียาหรืออาหารเสริมตัวไหน ที่สามารถรักษาต้อกระจกให้หายขาดได้ แต่เราสามารถ “ป้องกัน” หรือ “ชะลอ” การเกิดโรคนี้ โดยการดูแลดวงตาตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น สวมแว่นกันแดด พักสายตา หมั่นตรวจตาเป็นประจำทุกปี รวมไปถึงการทานอาหารเสริมบำรุงดวงตาที่มีลูทีนและซีแซนทีน เพราะหากเป็นมากขึ้น จะต้องรักษาโดยการผ่าตัดลอกต้อกระจกออกเท่านั้น!!

เฮอร์บิเทีย ลูทีน (Herbitia Lutein) ตัวช่วยฟื้นบำรุงดวงตาแบบเร่งด่วน ช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจก และเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น โดยมีปริมาณ “ลูทีน” 19 มก. และ “ซีแซนทีน” 0.95 มก. รวมเป็น 19.95 มก. ใกล้เคียงกับงานวิจัยมากที่สุด!

นอกจากนี้ เฮอร์บิเทีย ลูทีนยังประกอบด้วย สารสกัดจาก “บิลเบอร์รี่” และ “โกจิเบอร์รี่” อีกด้วย


รีวิวผู้ใช้จริง เฮอร์บิเทีย ลูทีน บำรุงดวงตา

ช่องทางด่วน… สำหรับปรึกษา/สอบถาม/สั่งซื้อสินค้า

คลิกที่นี่เพื่อสอบถามข้อมูลทางไลน์
คลิกที่นี่ เพื่อสอบถามข้อมูลทาง inbox
คลิกที่นี่ เพื่อโทรคุยกับแอดมิน 0837399822