ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาทำงานแบบ Work From Home กันมากขึ้น แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า? การทำงานที่บ้านก็สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับดวงตา!

เนื่องจาก บางคนอาจนั่งทำงานทั้งวันทั้งคืน โดยใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท๊บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนมากเกินไป ทำให้ดวงตาถูกใช้งานอย่างหนัก ส่งผลให้เกิดโรคตาต่าง ๆ ตามมาได้นั่นเอง

วันนี้ Herbitia ได้รวบรวม 4 โรคตา ที่พบได้บ่อยและควรระวังในช่วง Work From home มาฝากกันค่ะ

4 โรคตา ที่พบได้บ่อยในช่วง Work from home

1. วุ้นในตาเสื่อม

โดยปกติแล้ว ภาวะ “วุ้นในตาเสื่อม” มักเกิดกับคนวัย 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันกลับพบในคนวัยทำงานมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมที่ต้องใช้สายตาจ้องจอเป็นเวลานาน

วุ้นในตาเสื่อม โรคยอดฮิตของคนติดจอ

พฤติกรรมการจ้องจอนาน การก้ม ๆ เงย ๆ มองหน้าจอสลับกับการมองแป้นพิมพ์ หรือการที่หน้าจอคอมพิวเตอร์มีขนาดกว้างมากเกินไป ทำให้ต้องกวาดสายตาในการอ่านข้อความ ส่งผลให้กล้ามเนื้อลูกตาต้องทำงานหนักในการปรับระยะโฟกัส ยิ่งทำให้สายตาเสีย เร่งให้เกิดภาวะ “วุ้นในตาเสื่อม” ก่อนวัยได้

อาการของภาวะวุ้นในตาเสื่อม คือ มองเห็นจุดดำ หรือเส้นหยากไย่ลอยไปมา ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เอง

2. ตาแห้ง

“ตาแห้ง” ถือเป็นอีก 1 ปัญหาดวงตาที่พบได้บ่อยในช่วง Work From Home เพราะเมื่อเราจ้องจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ดวงตาจะกระพริบตาน้อยลง ส่งผลให้เกิดอาการ “ตาแห้ง” ตามมา

โรคตาแห้ง เกิดจากการจ้องจอนาน ๆ

สิ่งที่คุณควรทำ เพื่อลดอาการตาแห้ง มีดังนี้

  • พักสายตาจากหน้าจอ ด้วยสูตรถนอมสายตา 20-20-20 คือ พักสายตาทุก ๆ 20 นาที โดยการมองไกลออกไป 20 เมตร เป็นเวลา 20 วินาที
  • กระพริบตา 8-12 ครั้ง/นาที
  • ใช้น้ำตาเทียมหยอดตาทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ดวงตา

ทุกคนสามารถสังเกตอาการตาแห้งได้จากอาการเหล่านี้ อาทิเช่น แสบตา เคืองตา น้ำตาไหลสายตาพร่ามัว รู้สึกเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในตา ตาแดง ตาแพ้แสง เป็นต้น

3. Computer vision syndrome

Computer vision syndrome โรคขาประจำที่มากับพนักงานออฟฟิศ ซึ่งจากสถิติพบว่า มีอัตราการพบโรคนี้สูงถึง 75% ของประชากรที่ทำงานออฟฟิศทั้งหมด โดยอาการของภาวะนี้ สามารถสังเกตได้จาก…

  • ปวดตา
  • ตาล้า ตาแห้ง
  • ตาพร่ามัว
  • มองเห็นภาพซ้อน
  • แสบตา ระคายเคืองตา
  • ปวดศีรษะ
  • บางคนอาจมีอาการปวดคอและไหล่ร่วมด้วย

computer vision syndrome พบโรคนี้สูงถึง 75% ของประชากรที่ทำงานออฟฟิศทั้งหมด

สำหรับวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงให้คุณห่างไกลจากกลุ่มอาการ Computer vision syndrome คุณจำเป็นต้องอยู่ห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 20-28 นิ้ว โดยตั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ต่ำกว่าระดับสายตา

นอกจากนี้ คุณควรละสายตาจากหน้าจอทุก ๆ 20 นาที เพื่อเป็นการพักสายตา และควรกระพริบตาบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาของคุณ

4. จอประสาทตาเสื่อม

เป็นหนึ่งในโรคตาที่ทุกคนควรระวังเป็นอย่างมาก!! เพราะหากปล่อยปละละเลย อาจถึงขั้นตาบอดได้!! โดย “โรคจอประสาทตาเสื่อม” มีสาเหตุหนึ่งมาจากการที่ดวงตาได้รับแสงจ้าจากหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัลมากเกินไป ทำให้จุดรับภาพตรงกลางจอประสาทตาเสื่อมสภาพไวขึ้น

จอประสาทตาเสื่อม เกิดจากจุดรับภาพตรงกลางจอประสาทตาเสื่อมสภาพไวขึ้น

อาการของโรคจอประสาทตาเสื่อม สังเกตได้จาก…

  • เห็นจุดดำอยู่ในดวงตา
  • มองเห็นสิ่งรอบตัวบิดเบี้ยว
  • สีภาพเพี้ยน

เพื่อความปลอดภัย คุณควรพบแพทย์ในทันทีหากมีอาการดังกล่าว

“อย่ามัวแต่ WFH จนลืมใส่ใจดูแลดวงตา!
หมั่นดูแลดวงตา รักษาให้ดีที่สุดนะคะ”