ขึ้นชื่อว่า “โรคต้อหิน” ใครได้ยินคงต้องผวา เพราะการสูญเสียการมองเห็นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวสำหรับทุก ๆ คน ยิ่งสมัยนี้สื่อต่าง ๆ มีให้อ่านให้เสพกันอย่างมากมาย แต่หลายครั้งก็นำมาซึ่งความเข้าใจเกี่ยวกับโรคต้อหินที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ภาวะ “ต้อหิน” ส่วนใหญ่เกิดจากความดันในลูกตาสูง กดทำลายเส้นประสาทตาจนเสียหาย ส่งผลให้ลานสายตาค่อย ๆ แคบลง จนอาจสูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด!!
วันนี้ ทาง Herbitia จึงได้รวบรวมความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคต้อหิน ที่หลายคนมักเข้าใจผิดไป มาฝากทุกคนกันครับ จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยครับ
1. “ต้อหิน” พบในคนสูงวัยเท่านั้น
ข้อเท็จจริง คือ ภาวะ “ต้อหิน” สามารถพบได้ในคนทุกวัย ในบางกรณีอาจพบโรคนี้ตั้งแต่แรกเกิด แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะพบมากในคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
โดยส่วนใหญ่แล้ว มักพบ “โรคต้อหิน” ร่วมกับโรคทางตา หรือโรคทางกายอื่น ๆ เช่น ต้อกระจก เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
2. “ต้อหิน” เกิดจากความดันลูกตาสูง
ข้อเท็จจริงพบว่า ในปัจจุบัน “ต้อหิน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากสาเหตุนี้เสมอไป โดยจากการศึกษาพบว่า สาเหตุสำคัญของโรคนี้คือ การที่เซลล์ประสาทในจอประสาทตา (Retina) ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ลานสายตาเกิดความผิดปกติ จนอาจสูญเสียการมองเห็นในอนาคตได้
โดยการเสื่อมของขั้วประสาทตานั้น มักเกิดจากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ เช่น ความดันลูกตาเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ อายุมากขึ้น กรรมพันธุ์ โรคเบาหวาน เป็นต้น
3. “ต้อหิน” คือ มีหินในลูกตา
ข้อเท็จจริง คือ “โรคต้อหิน” เป็นต้อเพียงชนิดเดียวที่ไม่มีตัวต้อให้เห็น แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการบ่งชี้สำคัญ นั่นคือ มีความดันลูกตาที่สูงผิดปกติ (Intraocular pressure; IOP) เมื่อความดันลูกตาสูงมาก การคลำลูกตาจากภายนอกจะรู้สึกว่าลูกตาแข็งคล้ายหิน อันเป็นที่มาของชื่อโรคต้อหิน ซึ่งไม่เกี่ยวกับการมีเศษหินอยู่ในตาแต่อย่างใด
4. “ต้อหิน” ต้องมีอาการปวดตา
ข้อเท็จจริง คือ โรคต้อหินส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการอะไรเลย จนทำให้หลายคนที่ไม่ได้รับการตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำไม่มีทางรู้ จนมารู้ตัวอีกทีเมื่อขั้วประสาทตาถูกทำลายไปมาก จนทำให้ตามัวลง ลานสานตาเริ่มแคบลงนั่นเอง
แต่มีข้อยกเว้น!! ในคนที่มีภาวะ “ต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน” ที่จะมีอาการตาแดง ปวดตามาก และตามัวลงอย่างรวดเร็ว
5. “การนวดตา” ช่วยรักษาต้อหินได้
ข้อเท็จจริง คือ “การนวดตา” ไม่ใช่การรักษาตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แล้ว ยังเป็นการทำให้เกิดโทษ และทำให้อาการของโรค “ต้อหิน” แย่ลงอีกด้วย
“การนวดตา” ถือเป็นการกระตุ้นขั้วประสาทตาให้เสื่อมเร็วขึ้น ยิ่งเป็นการเร่งให้เกิดภาวะตาบอดในผู้ป่วยต้อหินระยะสุดท้าย ที่อาการของโรคอยู่ในขั้นรุนแรง
“โรคต้อหิน” เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคต้อที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกตาบอดมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากต้อกระจก ดังนั้น เราควรหันมาใส่ใจดูแลดวงตากันตั้งแต่วันนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน อย่างการเข้ารับการตรวจตาเป็นประจำ หรือการทานอาหารที่มีวิตามินบำรุงสายตา