สถิติเผย! คนไทยเป็นไมเกรนสูงถึง 10 ล้านคน!! อีกทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ และรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งอาการ “ไมเกรน” ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความทรมาน แต่ยังส่งผลต่อการใช้ชีวิต การทำงาน หรืออาจทำให้นอนไม่หลับ

หากปล่อยไว้จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ย่อมทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้

ไมเกรน (Migraine) เกิดจากการบีบและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองที่มากผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยแบ่ง “ไมเกรน” เป็น  4 ระยะ ดังนี้

  1. ระยะบอกเหตุล่วงหน้า (Prodrome) : จะรู้สึกปวดตึงตามคอ หรืออารมณ์แปรปรวน มักมีอาการแบบนี้ในช่วง 1-2 วันแรกก่อนเป็นไมเกรน
  2. ระยะอาการเตือน (Aura) : อาการเตือนที่พบบ่อยก่อนเริ่มปวดหัวไมเกรน คือ มองเห็นแสงระยิบระยับ เห็นภาพเบลอ ทรงตัวไม่อยู่ หรือมีอาการชาตามแขนขา (ผู้ป่วยบางรายอาจไม่พบอาการเตือน)
  3. ระยะที่มีอาการปวดศีรษะ : จะรู้สึกปวดศีรษะตุ๊บ ๆ อาจปวดข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง บางรายพบว่ามีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย
  4. ระยะที่เข้าสู่ภาวะปกติ : ผู้ป่วยจะรู้สึกอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ เกิดอาการสับสนมึนงง ภายหลังจากที่หายปวดศีรษะ

ผู้ป่วยไมเกรนแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ไมเกรนที่ไม่มีอาการเตือน (Migraine without aura) และไมเกรนที่มีอาการเตือน (Migraine with aura)

อย่างไรก็ตามผู้ที่มีอาการไมเกรนควรปรึกษาแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้จนเป็นไมเกรนเรื้อรังจะส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ทำให้สุขภาพและคุณภาพชีวิตแย่ลง จนอาจต้องเพิ่มปริมาณยา อีกทั้งยังต้องเผชิญกับผลข้างเคียงจากการใช้ยาเป็นเวลานาน

เอาชนะไมเกรน ด้วย “กิงโกะ” สุดยอดสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

“กิงโกะ” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “แป๊ะก๊วย” เป็นพืชสมุนไพรจีนโบราณ มีส่วนประกอบของฟลาโวนไกลโคไซด์ (Flavone glycoside) และ เทอร์ปีนแลคโตน (Terpene lactone) มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มอัตราการไหลเวียนเลือด ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูระบบประสาท และยังช่วยต้าน Platelet activating factor (PAF) ซึ่งเป็นสารชักนำการอักเสบ และทำให้เกิดอาการปวด

จากการที่กิงโกะขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรช่วยบำรุงสมองและดีต่อระบบประสาท จึงมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการนำสารสกัดกิงโกะมาใช้รักษาโรคทางระบบประสาทหลายโรค หนึ่งในนั้น คือ ไมเกรน

กิงโกะ ช่วยลดอาการปวดหัว “ไมเกรน” ได้จริง ! การันตีด้วยงานวิจัย 

ในปี 2013 มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในประเทศอิตาลี ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของกิงโกะ ในการในการบรรเทาอาการปวดหัว ไมเกรน” โดยให้รับประทานกิงโกะทันที เมื่อเป็นไมเกรน โดยมีวิธีการทดลอง ดังนี้

1. คัดเลือกอาสาสมัคร

คัดเลือกอาสาสมัครจำนวน 22 คน โดยมีเกณฑ์การคัดเลือก ดังนี้

  • อาสาสมัครเป็นเพศชายและหญิง โดยมีอายุระหว่าง 18-65 ปี
  • เป็นผู้ที่มีอาการไมเกรน แบบมีอาการเตือน (Migraine with aura)

2. วิธีวัดผลการทดลอง

วัดผลการทดลองโดยการจดบันทึกระยะเวลาที่เกิดอาการไมเกรน (หน่วยเป็นนาที) โดยจะบันทึก 2 ครั้ง คือ

ครั้งที่ 1 : บันทึกระยะเวลาเมื่อมีอาการไมเกรน

ครั้งที่ 2 : เมื่อเกิดอาการไมเกรนอีกครั้ง ก่อนจะบันทึกเวลา ให้รับประทานสารสกัดกิงโกะที่จัดเตรียมไว้ให้ในปริมาณ 120 มก.

3. ผลการทดลอง

จะเห็นได้ว่า หลังจากรับประทานสารสกัดกิงโกะทันทีเมื่อปวดหัวไมเกรน ช่วงระยะเวลาที่เกิดอาการไมเกรนลดลงถึง 35% ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับประทาน เมื่อเทียบกับตอนที่ไม่ได้รับประทานสารสกัดกิงโกะ ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

นอกจากนี้ ยังพบว่ากว่า 18% ของผู้ป่วย ที่รับประทานสารสกัดกิงโกะเมื่อมีระยะอาการเตือนของไมเกรนแล้ว จะไม่เกิดอาการปวดศีรษะตามมา

สรุปผลงานวิจัย

การรับประทานสารสกัดกิงโกะ 120 มก./วัน มีส่วนช่วยป้องกันและบรรเทาอาการไมเกรนได้ ทั้งยังมีผู้ป่วยบางส่วนเมื่อรับประทานสารสกัดกิงโกะทันทีเมื่อเกิดอาการเตือน พบว่าไม่มีอาการปวดศีรษะตามมาอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาถึงประสิทธิภาพในการรับประทานกิงโกะอย่างต่อเนื่องนาน 4 เดือน ก็ให้ผลที่สอดคล้องกันว่า กิงโกะช่วยบรรเทาอาการไมเกรน และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดไมเกรนอีกด้วย