ภาวะ “วุ้นในตาเสื่อม” ไม่มีอันตรายใด ๆ นอกจากสร้างความรำคาญก็จริง แต่หากชะล่าใจและมีพฤติกรรมเดิม ๆ อยู่ อาการวุ้นในตาเสื่อมอาจหนักขึ้น จนนำไปสู่ภาวะจอประสาทตาลอกและเสี่ยง ตาบอดถาวร ได้!!

อย่างไรก็ตาม เราสามารถดูแลไม่ให้ภาวะวุ้นในตาเสื่อมร้ายแรงไปถึงขั้นนั้น โดยการ หมั่นดูแลรักษาดวงตา เพื่อลดความเสี่ยงที่ทำให้อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีง่าย ๆ 4 วิธี ดังนี้

เริ่มมองเห็นหยากไย่และจุดสีดำ หนึ่งในอาการสำคัญของ “วุ้นในตาเสื่อม” ควรทำอย่างไร

1. จำกัดเวลาหน้าจอ

การมองหน้าจอเป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักจากการปรับโฟกัสบ่อย จนเป็นสาเหตุให้วุ้นในตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นหากมีเวลาก็ควรพักสายตาบ้าง เพื่อไม่ให้ดวงตาของเราถูกใช้งานหนักเกินไป

หากมีเวลาก็ควรพักสายตาบ้าง เพื่อดูแลดวงตาไม่ให้ถูกใช้งานหนักเกินไป

2. สวมใส่แว่นตา

หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน การสวมแว่นตากรองแสงสีฟ้าก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยถนอมสายตาได้ เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอสามารถทำลายเซลล์รับแสงในจอตา ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นจอประสาทตาลอก ปัจจุบันมีแว่นตาที่ทำขึ้นมาเพื่อกรองแสงสีฟ้าโดยเฉพาะ คนที่สายตาปกติก็ใส่ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธี “ดูแลวุ้นในตาเสื่อม” ที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยไม่ให้สายตาสั้นมากยิ่งขึ้น เพราะสายตาสั้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วุ้นในตาเสื่อมไวกว่าปกติ

3. เลี่ยงกิจกรรมที่กระทบกระเทือนศีรษะ

เมื่อศีรษะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อาจทำให้ดวงตาพร่ามัว มองไม่ชัดเจน หรือเห็นภาพซ้อน นั่นเป็นเพราะว่าการบาดเจ็บที่ศีรษะส่งผลกระทบต่อลูกตาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การใช้หัวโหม่งลูกบอล การพยักหน้าหรือส่ายหน้าอย่างรุนแรง เป็นต้น

การใช้หัวโหม่งลูกบอลอาจส่งผลกระทบต่อดวงตาโดยตรง

4. ทานอาหารที่มีลูทีน และ ซีแซนทีน

ลูทีน และ ซีแซนทีน สามารถพบได้ในดวงตาโดยเฉพาะบริเวณจุดรับภาพของจอตา (Macula) สารทั้งสองชนิดนี้มีความสำคัญในการช่วยป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด ทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย เป็นวิธี ดูแลวุ้นในตาเสื่อม ที่จะได้ทั้งกับผู้ที่เป็นแล้ว หรืออยากป้องกันดวงตาไม่ให้เห็นวุ้นในตาเสื่อม

ดังนั้น การทานอาหารที่มี ลูทีน และ ซีแซนทีน จึงช่วยชะลอการเสื่อมของดวงตาได้ โดยส่วนมากมักพบในดอกดาวเรือง โกจิเบอร์รี่ และในผักสีเขียว เช่น บร็อคโคลี่ ผักกาด คะน้า โหระพา เป็นต้น 

นอกจากนี้ การทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ ลูทีน และ ซีแซนทีน ก็สามารถช่วยฟื้นฟูดวงตาได้เช่นกัน

ดูแลดวงตาของตัวเองไม่ให้เป็น “วุ้นในตาเสื่อม” ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าใครก็ทำได้

และนี่ก็คือ 4 วิธี ดูแลวุ้นในตาเสื่อมที่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ส่งผลให้จอตาเสื่อมเร็วขึ้น และเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา

แม้ว่าวุ้นในตาเสื่อมจะไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรง แต่ก็ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจดวงตาอย่างน้อยปีละครั้ง

หรือถ้าหากเริ่มมีสัญญาณที่ไม่ดีเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เช่น การมองเห็นแสงวาบชั่วขณะ ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันทีเพราะอาจมีความเสี่ยงเป็นจอประสาทตาลอกและสร้างปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้

ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก