“แสงสีฟ้า” ภัยเงียบที่คุกคามสายตาของคุณทุกวันไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอ กลังค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ดวงตาของคุณ และส่งผลเสียต่อสุขภาพสายตาโดยไม่รู้ตัวอันตรายจากแสงสีฟัาทำให้เกิดอาการตาเมื่อยล้าตาแห้ง และอาจนำ ไปสู่ปัญหาสายตาที่รุนแรงกว่านั้นได้ เช่น ต้อกระจกก่อนวัยอันควร

อย่าปล่อยให้ แสงสีฟ้าทำร้ายดวงตาของเรา เรารวมวิธีป้องกัน และดูแลสายตาให้แข็งแรง ห่างไกลจาก
อันตรายแสงสีฟ้า ในบทความนี้

แสงสีฟ้าคืออะไร

แสงสีฟ้าหรือที่รู้จักกันในนาม Blue Light คือ คลื่นพลังงานแสงสีฟ้าที่มาจากทั้งธรรมชาติ และสิ่งรอบตัวที่คนเราสร้าง เราสามารถมองเห็นได้ และไม่สามารถมองเห็นได้นั้นเอง

แหล่งที่มาของแสงสีฟ้า

  • แสงสีฟ้าจากแหล่งธรรมชาติ

แหล่งที่มาแรกคือจากธรรมชาติซึ่งเกิดจากแสงจากดวงอาทิตย์ มีพลังงานสูงแต่ระยะของคลื่นพลังงานนั้นสั้นทำให้เกิดการปะทะของโมเลกุลน้ำ และอากาศจนทำ ให้กระจายฟุ้งทั่วท้องฟ้าทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นแสงสีฟ้านี้ได้

  • แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

คือแหล่งที่เราเคยได้ยินว่าเป็นการเกิดแสงสีฟ้าในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์จอสัมผัสอย่างมือถือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ไปจนถึงหลอดไฟที่เราใช้กันเป็นประจำ นั้นเองโดยความเข้มข้นของแสงสีฟ้าขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำ การปล่อยออกมานั้นเอง

อันตรายจากแสงสีฟ้าต่อดวงตา

อันตรายจากแสงสีฟัา แสงสีฟ้าเป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูง พบได้จากแสงแดด จอคอมพิวเตอร์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และหลอดไฟ LED แม้ว่าแสงสีฟ้าจะมีประโยชน์ในการช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัว แต่ถ้าได้รับในปริมาณมาก และเป็นเวลานานก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพดวงตาได้ในระยะยาวหากไม่หาวิธีป้องกันแสงสีฟ้าจะทำร้ายดวงตาทำให้การมองเห็นของเรานั้น เกิดการมัวไม่ชัด หากเจอแสงดวงตาจะต้องใช้เวลาในปรับสภาพการรับรู้แสงไปตามสภาพแวดล้อมได้ยากมากยิ่งขึ้น

แสงสีฟ้าทำลายดวงตาอย่างไรบ้าง

โดยทั่วไปแสงสีฟ้าเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายแสงสีฟ้าทำลายดวงตา 2 อาการหลัก ได้แก่

1.โรคจอประสาทตาเสื่อม

โรคจอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration) เกิดขึ้นจากภาวะจอตาบวมและจุดภาพชัด (Macula) รับคลื่นพลังงานแสงสีฟ้าจากหน้าจอโดยที่ไม่มีการป้องกันใดๆ ทำให้ประสาทตาเสื่อมไวกว่าอันควรเนื่องจากแสงสีฟ้ามีพลังงานสูง ทำให้จอตาอ่อนลา้ และเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เกิดอาการตามัว การมองเห็นไม่ชัด เกิดภาพซ้อนในบางครั้ง หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด

2. อาการตาล้า ตาแห้ง

อาการตาล้า (Asthenopia) และตาแห้ง (Dry Eyes) อีกอาการที่เกิดได้บ่อย อาการตาล้า ตาแห้ง เกิดได้ จากการใช้สายตาจดจ้องกับหน้าจอ ที่มีแสงสีฟ้ามากจนเกินไป ส่งผลให้เกิดตาล้า ตาแห้ง รวมไปถึงอาการคันตา และแดง หากมีอาการเยอะส่งผลใหเ้ กิดภาวะผิวกระจกตาอับเสบพร้อมกับรอยแผลบ กระจกตา และเกิดการระคายเคืองที่ดวงได้สร้างความไม่สบายตาขณะใช้สายตาในชีวิตประจำวันได้

วิธีป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้า

  • ใช้แว่นกรองแสงสีฟ้า

การป้องกันดวงตาที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงคือการเลือกใชเ้ลนส์กรองแสงสีฟัา ช่วยลดการทำ งานของสายตาลงไปได้เนื่องจากการใช้กล้ามเนื้อในการมองเห็นลดลง ทำให้ลดโอกาสการเกิดตาอักเสบตาล้าลงได ้

ข้อแนะนำเพิ่มเติม วิธีการเลือกเลนส์กรองแสงสีฟ้าเราควรดูเลนส์ทีมีประสิทธิภาพในการสะทอ้ นแสงสีฟ้าได้เต็มที่หาก ตรงเลนส์ไม่สามารถสะท้อนได้แปลว่าเลนส์นั้นไม่สามารถป้องกันแสงสีฟ้าได้ดีเท่าที่ควร

  • ปรับความสว่างแสงหน้าจอให้พอดี

การปรับความสว่างของหน้าจอก็มีผลต่อการป้องกัน ควรปรับหน้าจอเป็นเป็นสีแนวโทน Warm light ให้สอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวันกรณีอยู่ในที่มืดควรหาไฟมาเปิดกับหน้าจอเพื่อไม่ให้หน้าจอสว่างจนเกินไป

  • ติดฟิล์มกรองแสงที่หน้าจอ

ฟิล์มกรองแสงจอคอม เป็นตัวช่วยในการป้องกันแสงสีฟ้าที่มีคลื่นรังสี UV พลังงานสูงที่ทำลายตัวดวงตาของเรา เนื่องจากฟิล์มจะทำ การหักเหแสงไปยังจุดอื่นหลบเลี่ยงการสะท้อนไปยังดวงตา แสงสีฟ้าจาก หน้าจอคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนเป็นภัยเงียบที่คุกคามสายตาของคุณทุกวัน ฟิล์มกรองแสงสีฟ้าคือ ตัวช่วยสำคัญที่จะปกป้องดวงตาของคุณจากอันตรายแสงสีฟ้า

ปัญหาแสงสีฟ้านั้นหลายคนอาจจะมองขา้ มแต่บอกเลยเป็นภัยเงียบในการทำ ลายดวงตาเป็นอย่างมากหากไม่ทำ การป้ องกนั ดวงตาและรักษา ปัญหาดวงตา ตาลา้ ตาแหง้ ตาอักเสบ ไปจนถึงจอประสาทตาเสื่อมสามารถมีโอกาสเกิดขึ้นกับท่านอย่างแน่นอน ควรมีการตรวจสายตาเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาทางสายตา และสามารถนำ ข้อแนะนำ ข้างต้นไปปรับใชใ้ นชีวิตประจำวันของท่านได ้ลดโอกาสเกิดห่างไกลโรคดวงตา