จากสถิติปี พ.ศ. 2553 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อมากกว่า 6 ล้านคน โดย “ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)” เป็นอาการที่พบมากที่สุด เนื่องจากเป็นข้อที่มีขนาดใหญ่ มีการเคลื่อนไหว และต้องรับน้ำหนักของร่างกายเกือบตลอดเวลา จึงทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้ง่าย

ข้อเข่าเสื่อม เกิดจากกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าสึกหรอ ทำให้กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อเสียดสีกันจนเนื้อกระดูกเสื่อมสภาพ ส่งผลให้มีอาการปวดเมื่อเดินหรือยืนนาน ๆ

พลังแห่ง “งาดำ” ฟื้นฟูข้อเข่าเสื่อม

เซซามิน (Sesamin) เป็นสารสำคัญที่พบในงาดำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนข้อเข่าให้แข็งแรงขึ้น  และบรรเทาอาการเจ็บปวดได้

งาดำเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย คลิกที่นี่เพื่ออ่านสรรพคุณอื่น ๆ ของงาดำ

งานวิจัย ลดอาการปวดข้อเข่าด้วย “งาดำ”

ในปี พ.ศ. 2556 มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประเทศอิหร่าน ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของเมล็ดงาดำในการรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม โดยมีวิธีการทดลอง ดังนี้

1. คัดเลือกอาสาสมัคร

อาสาสมัครเป็นผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม จำนวน 45 คน โดยความรุนแรงของอาการอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง ตามหลักเกณฑ์ของ American College of Rheumatology (ACR) ซึ่งมีเกณฑ์การคัดเลือก ดังนี้

  1. เพศชาย และหญิงอายุ 50 – 70 ปี
  2. มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 18.5 – 30 kg/m2
  3. ไม่แพ้งาดำ
  4. ไม่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  5. ไม่เป็นโรคเบาหวาน
  6. ไม่เป็นโรคที่เกี่ยวกับตับและไต
  7. ไม่มีประวัติการเป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น
  8. ไม่มีประวัติสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  9. ไม่รับประทานอาหารเสริม วิตามิน หรือแร่ธาตุ
  10. ไม่ใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์

2. แบ่งกลุ่มการทดลอง

จากนั้นจะแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

  1. กลุ่มทดลอง จำนวน 22 คน จะได้รับงาดำป่น 40 กรัมต่อวัน
  2. กลุ่มควบคุม จำนวน 23 คน

โดยในแต่ละวัน อาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับอะเซตามิโนเฟนและกลูโคซามีนในปริมาณที่เท่ากัน

ติดตามผลเป็นระยะเวลา 2 เดือน

3. วิธีเก็บผลการทดลอง

วัดผลการทดลองด้วยแบบประเมิน 2 รูปแบบ ดังนี้

  1. Visual Analog Scale (VAS) เป็นการวัดความรุนแรงของอาการปวดขณะเคลื่อนไหว หรือหยุดพัก โดยให้คะแนนตั้งแต่ 0 คือ ไม่ปวดเลย จนถึง 10 คือ ปวดรุนแรงมากที่สุด
  2. Timed Up and Go (TUG) เป็นการทดสอบความสามารถในการเดินและการทรงตัวของผู้ป่วย ซึ่งประเมินจากระยะเวลาที่ใช้ในการทดสอบ ยิ่งใช้ระยะเวลาในการทดสอบน้อย แสดงว่ามีความสามารถในการเดินและการทรงตัวที่ดี

4. ผลการทดลอง

คะแนนอาการเจ็บปวดที่ข้อเข่า (VAS)

หลังการทดลอง 2 เดือน กลุ่มทดลองที่ได้รับงาดำป่น 40 กรัมต่อวัน มีอาการปวดเข่าลดลงถึง 63% ในขณะที่กลุ่มควบคุมมีอาการปวดเข่าลดลงเพียง 22% ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ระยะเวลาที่ใช้ในการทดสอบการเดินและทรงตัว (TUG)

และกลุ่มทดลองที่ได้รับงาดำป่น 40 กรัมต่อวัน ใช้ระยะเวลาในการทดสอบ TUG ลดลงถึง 10% ขณะที่กลุ่มควบคุมใช้เวลาลดลงเพียง 3% ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

สรุปผลจากงานวิจัย

ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม ที่ได้รับงาดำป่น 40 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 2 เดือน มีอาการโดยรวมดีขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม จึงสามารถสรุปได้ว่า “งาดำ” สามารถช่วยลดอาการปวดเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อม และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวและการทรงตัวได้