โรคดวงตา โรคใกล้ตัวที่หลายคนไม่สนใจ ในปัจจุบันมีคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาสูงขึ้นมากๆ ดังนั้น การตรวจเช็คดวงตาของเราจะช่วยให้ทำ การรักษาได้ทันท่วงที่ก่อนที่อาการจะรุนแรงจนถึงขัันสูญเสียดวงตาไป บทความนี้รวม 3 โรคตาที่พบบ่อย พร้อมกับวิธีป้องกันโรคตาเบื้องต้นมาฝากทุกท่าน

โรคตาแห้ง

โรคตาแห้ง (Dry Eyes) เป็นโรคที่พบในกลุ่มสูงอายุ และวัยทำงานเป็นส่วนมาก อาการของโรคตาแห้งจะมีอาการ ระคายเคืองที่ตา ไม่สบายตา เหมือนมีฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมบริเวณดวงตา ส่งผลให้มีน้ำตาไหล หรือแสบตาเป็นเวลานาน หากปล่อยไว้ไม่ได้รักษาให้หายส่งผลในระยะยาวอาจทำให้การมองเห็นไม่ชัดได้ไปจนถึงเกิดการอักเสบที่เยื่อบุตา หรือ กระจกตา

สาเหตุของตาแห้ง

โดยสาเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกันดังนี้

  • การทำงานผิดปกติของต่อมไขมันที่เปลือกตา (Meibomian Gland Dysfunction)
  • การใส่คอนแทคเลนส์
  • การใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น การจ้องจอมือถือ หรือ นั่งทำงาน
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • การรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้ง
  • พันธุกรรมที่เกี่ยวกับสายตา

วิธีแก้รักษา และวิธีป้องกันโรคตาแห้ง

วิธีการรักษาโรคตาแห้ง

เบื้องต้นสามารถเข้าตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดได้โดยตรงกับจักษุแพทย์ ขั้นตอนการตรวจนั้นอาจจะมีการวัดปริมาณ และคุณภาพของน้ำตากรณีดวงตานั้นระคายเคือง และมีอาการแห้งมาก สามารถใช้น้ำตาเทียมร่วมในการรักษาด้วย

วิธีป้องกันโรคตาแห้ง

ประคบอุ่นนวด และทำความสะอาดเปลือกตากรณีมีเปลือกตาผิดปกติกรณีต้องใช้สายตาเยอะสามารถใช้น้ำตาเทียมระหว่างวันเพื่อไม่ให้เกิดอาการตาแห้งได้ หรือ ทานอาหารเสริม หรือวิตามินที่ช่วยลดอาการตาแห้ง เช่น ลูทีน เอสเทอร์ เคอร์คูมินนอย หรือ วิตามิน ดี 3 เป็นต้น

โรควุ้นในตาเสื่อม

อีกโรคดวงตาในปัจจุบันที่คนเป็นอายุน้อยลงเรื่อยๆ โรควุ้นตาเสื่อมส่วนมากจะพบในวัยสูงอายุ และกลุ่มคนสายตาสั้น อาการเมื่อวุ้นในตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) ทำให้วุ้นในตาเปลี่ยนสภาพโดยบางส่วนนั้นกลายเป็นของเหลว และบางส่วนจับตัวเป็นก้อนทำให้บางท่านมองเห็นเป็นเงาจุดดำๆ หรือ เส้นหยากไย่ลอยไปลอยมา ขยับไปมาตามการกลอกตา

สาเหตุของวุ้นในตาเสื่อม

สาเหตุของวุ้นตาเสื่อมสามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น

  • อายุที่เพิ่มขึ้น : เป็นสาเหตุหลักที่ทำ ให้วุ้นตาเสื่อม
  • การบาดเจ็บที่ตา : อาจทำให้วุ้นตาเสื่อมหรือมีปัญหาอื่นๆ ตามมา
  • สายตาสั้น : มีโอกาสเกิดวุ้นตาเสื่อมได้สูงกว่าในคนที่มีสายตาปกติ
  • การใช้สายตาที่มากเกินไป ไม่มีการพักสายตาที่เพียงพอ
  • เจอแสงแดด ฝุ่น และลม

วิธีแก้รักษา และวิธีป้องกันโรควุ้นในตาเสื่อม

วิธีการรักษาโรควุ้นในตาเสื่อม

การรักษานั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มมีอาการสามารถติดตามอาการ และเข้าตรวจเป็นประจำ กรณีมีความรุนแรงเกิดการอักเสบจะมีการใช้ยาเพื่อลดอาการอักเสบไปจนถึงการผ่าตัดจอประสาทตาหรือนำวุ้นตาออก หากไม่ทำการรักษาตั้งแต่ต้นอาจเกิดความรุนแรงกับดวงตาได้ เช่น จอประสาทตาฉีกขาด หลุดลอก และสูญเสียการมองเห็นถาวรได้

วิธีป้องกันโรควุ้นในตาเสื่อม

  • เข้ารับการตรวจสุขภาพตาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะหากคุณมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคตาหรือมีความเสี่ยงสูง
  • ควบคุมโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพตา ควรควบคุมระดับน้ำ ตาลในเลือดและความดันให้อยู่ใูนเกณฑ์ที่เหมาะสม
  • เลี่ยงการเจอแสงแดดโดยตรง ในชีวิตประจำวัน โดยการใส่แว่นกันแดด ใช้ร่ม หรืออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน

โรคต้อหิน

ต้อหิน (Glaucoma) คนส่วนมากไม่มีอาการของโรคให้ได้สังเกตุเท่าไหร่ จนเกิดอาการเฉียบพลันทำให้มีอาการ ปวดตา เห็นรุ้งรอบดวงไฟ รวมถึงอาการ ปวดดศีรษะ คลื่นไส ้อาเจียน เจ็บลูกตาจากความดันในตาที่สูง เนื่องจากส่วนมากไม่มีอาการบอกส่งผลใหเ้ ป็นโรคต้อแบบไม่รู้ตัว หรือมีอาการทำลายเส้นประสาท โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้าต้อหิน พบบ่อยในคนเอเชีย และปัจจุบันพบในคนอายุน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ

สาเหตุของต้อหิน

  • การผลิตน้ำหล่อเลี้ยงลูกตามากเกินไป หากมีการผลิตน้ำ หล่อเลี้ยงมากเกินไป และระบบระบายน้ำไม่สามารถทำงานได้ตามที่ควรเป็นทำให้ความดันดวงตาสูงขึ้น
  • ระบบระบายน้ำของลูกตาซึ่งทำหน้าที่ระบายน้ำ หล่อเลี้ยงลูกตาออกจากลูกตาเกิดการอุดตันทำให้หล่อเลี้ยงลูกตาไหลออกมาได้นอยลง และความดันในตาเพิ่มสูงขึ้น
  • โรคต้อหินบางชนิดมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม เช่น ต้อหินมุมปิด
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นต้อหิน

วิธีแก้รักษา และวิธีป้องกันโรคต้อหินในตา

การรักษาโรคติอหิน

ขั้นตอนการรักษาต้อหินนั้นสามารถทำได้หลายวิธีจะพิจารณาตามชนิด และความรุนแรงของอาการ เช่น ความดันในตาสูง รักษาด้วยยาทำเลเซอร์ หรือผ่าตัด ทั้งนี้ทั้งนั้นในปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันว่าจะสามารถรักษาโรคต้อหินให้หายขาดได้ 100 %

การป้องกันโรคต้อหิน

เนื่องจากอาการของโรคต้อหินนั้นค่อนข้างไม่แสดงอาการเท่าไร การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ จึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด นอกจากนั้นเราสามารถทานอาหารเสริม หรือ วิตามินที่ช่วยลดอาการการเกิดต้อ หินเพื่อเป็นการป้องกันตั้งแต่ต้น อย่างเช่น สารสกัดต่างๆ มาจากงานวิจัยอย่าง กิงโกะ ที่มีส่วนช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด และยังมี Resveratrol และ Quercetin ที่ทำงานร่วมกันจะช่วยลดการอักเสบได้ดีกว่าเดิม จึงสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อหินได้