หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า วุ้นในตาเสื่อม แต่รู้หรือไม่ว่า อาการนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เพราะพบได้ทั้งในเด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงผู้สูงอายุ ถึงแม้จะไม่ได้อันตราย แต่ก็อาจนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงขึ้นได้ ! วันนี้มาเช็คตัวเองกันดีกว่าว่า สาเหตุวุ้นในตาเสื่อม คืออะไร และเราเสี่ยงจะเป็นกันหรือไม่
วุ้นในตาเสื่อม คือ เห็นจุดดำๆ เหมือนหยากไย่ลอยไปมา สาเหตุเกิดจากการเสื่อมสภาพ หดตัว และหลุดลอกของวุ้นในตาจนกลายเป็นตะกอนขุ่นลอยอยู่ในดวงตาเรา
5 สาเหตุที่ทำให้เกิด วุ้นในตาเสื่อม
จากสถิติพบว่า… คนไทยอายุ 40 ปีขึ้นไป กว่า 14 ล้านคน มีปัญหาวุ้นในตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น ทุกส่วนในร่างกายจะเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ “ดวงตา” ก็เช่นกัน
ดังนั้นอาการดังกล่าวจึงเป็นสัญญาณของการเสื่อมสภาพตามธรรมชาตินั่นเอง
คนสายตาสั้น เสี่ยงเป็น วุ้นในตาเสื่อม เร็วกว่าคนสายตาปกติเกือบ ๆ 2 เท่า เพราะโครงสร้างดวงตาของคนสายตาสั้นจะอ่อนแอกว่าคนสายตาปกติ จึงทำให้พบคนสายตาสั้นบางรายมักจะเริ่มมีปัญหาตั้งแต่อายุ 20 ปี
สำหรับปัจจัยการเสื่อมช้า-เร็วขึ้นกับความสั้นของสายตาด้วย เช่น คนที่สายตาสั้น 600 ดวงตาจะเสี่ยงที่เกิดปัญหาเร็วกว่าคนที่สายตาสั้น 400
เบาหวานขึ้นตา เสี่ยงเป็นวุ้นในตาเสื่อมเร็วกว่าคนปกติ เนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดบริเวณจอตาจนเกิดความเสียหาย ร่างกายจึงสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน
แต่เป็นเส้นเลือดที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เลือดหรือสารน้ำอื่นๆ รั่วเข้าสู่จอตา ทำให้ดวงตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
สำหรับผู้ที่เคยผ่าตัดต้อกระจก จะมีการเปลี่ยนเลนส์ตา โดยใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทน จึงเพิ่มโอกาสให้วุ้นในตาหลุดลอก จนเกิดเป็นวุ้นในตาเสื่อมได้
แสงสีฟ้าจากหน้าจอ เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิด “จอประสาทตาเสื่อม” ส่วนปัจจัยเร่งให้เกิดวุ้นในตาเสื่อมคือ เมื่อเราเพ่งหน้าจออยู่ และสลับไปมองที่อื่น จะทำให้กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก หากทำบ่อย ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ จะเร่งให้เกิดความเสื่อมก่อนวัยได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ วุ้นในตาเสื่อมโรคยอดฮิตของคนติดจอ !
หากคุณมีอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีปัญหาวุ้นในตาเสื่อม ตามหลักการแพทย์ อาการดังกล่าวจะไม่หายในทันที เพราะดวงตาได้เสื่อมสภาพลงแล้ว
ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ :
“ดวงตา” ก็เหมือน “รถ” หากไม่ดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ก็พังไว
วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือ กลับมาฟื้นบำรุงดวงตาอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารเสริมบำรุงสายตา พักสายตา จำกัดเวลาหน้าจอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูดวงตา ไม่ให้เป็นหนักกว่าเดิม และเพิ่มโอกาสในการละลายวุ้นในตาได้
ถ้าหากคุณอายุยังไม่ถึง 40 ปี แต่มีปัญหาแปลว่า ดวงตาของคุณค่อนข้างมีปัญหามาก!!
สิ่งที่คุณควรทำคือ พบจักษุแพทย์เพื่อหาสาเหตุการเสื่อมก่อนวัย ควบคู่กับการฟื้นบำรุงดวงตาอย่างเร่งด่วน เพื่อชะลอการเสื่อมของดวงตาก่อนวัยอันควร