การมองเห็นไม่ชัด ตาพร่า ตามัว จากการเป็น "ต้อกระจก" เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม และถ้าหากปล่อยไว้ไม่รักษา ทำให้เป็น "ต้อหินเฉียบพลัน" จนตาบอดได้ !
ภาวะ “สายตาสั้น” ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด “วุ้นในตาเสื่อม” ซึ่งจากผลวิจัยพบว่า คนสายตาสั้น เสี่ยงต่อการเกิด “วุ้นในตาเสื่อม” เร็วกว่าคนสายตาปกติถึง 2 เท่า!!
อาการ “วุ้นในตาเสื่อม” ถึงแม้จะไม่ได้อันตราย แต่ก็อาจนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงขึ้นได้ ! วันนี้มาเช็คตัวเองกันดีกว่า ว่าเราเสี่ยงจะเป็น “วุ้นในตาเสื่อม” กันหรือไม่
ภาวะ “วุ้นในตาเสื่อม” มักเกิดจากความเสื่อมตามวัย และถือว่ายังไม่เป็นอันตรายใด ๆ แต่หากเป็นวุ้นในตาเสื่อมหนักขึ้น จะเสี่ยงต่อการเกิด "จอประสาทตาลอก" มีโอกาสตาบอดถาวรได้!!
เบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy) หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคตาอื่น ๆ อย่าง “วุ้นในตาเสื่อม” เร็วกว่าคนทั่วไปอีกด้วย!
"วุ้นในตาเสื่อม” ไม่มีอันตรายใด ๆ นอกจากสร้างความรำคาญใจก็จริง แต่หากชะล่าใจอาจเสื่อมหนักขึ้น จนนำไปสู่ภาวะจอประสาทตาลอกและเสี่ยง ตาบอดถาวร ได้!!
หากใครที่เคยผ่าตัดต้อกระจกมาแล้ว พบว่าช่วงแรก ๆ ก็มองเห็นชัดดี แต่ทำไมวันดี คืนดี กลับเห็นจุดดำ หรือเส้นคล้ายหยากไย่ลอยไปมา อาการเหล่านั้นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเสี่ยงเป็น “วุ้นในตาเสื่อม” ตามมาได้ !
ในท้องตลาดมี “อาหารเสริมบำรุงดวงตา” วันนี้ทางเราจึงรวบรวมข้อมูลและการคำนวณ “ลูทีนและซีแซนทิน” สารอาหารบำรุงดวงตาที่สำคัญ ให้ได้ผลตามงานวิจัย ในราคาที่คุ้มค่าและปลอดภัย มาฝากทุกคนกันค่ะ
เมื่อ “ดวงตากับสมองเชื่อมถึงกัน” จึงไม่แปลกใจเลยว่า ผู้ป่วยไมเกรนส่วนใหญ่มักมีอาการตาแพ้แสง สู้แสงไม่ได้ ซึ่งจากสถิติพบว่า มีผู้ป่วยไมเกรนมากถึง 80 % ที่มีอาการตาแพ้แสงร่วมด้วย!!
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า “ต้อลม ต้อเนื้อ” เป็นโรคของคนแก่หรือวัยสูงอายุ แต่อันที่จริงแล้ว คนวัยทำงานที่ต้องใช้ชีวิตกลางแจ้ง ท่ามกลางแสงแดด ฝุ่นควัน และมลภาวะต่าง ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อลม และต้อเนื้อได้เช่นเดียวกัน
