เมื่ออายุมากขึ้น ก็เป็นธรรมดาที่อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายจะค่อย ๆ เสื่อมลง ดวงตาก็เช่นกัน ทำให้หลายคนต้องพบเจอกับปัญหาดวงตาต่าง ๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้น “ดวงตา” จึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษไม่น้อยไปกว่าอวัยวะอื่น ๆ หนึ่งในนั้น คือการเติมสารอาหารที่มีประโยชน์ให้แก่ดวงตา ด้วยการทานวิตามิน “บำรุงสายตา” นั่นเอง วันนี้ ทางเราจึงอยากพาทุกคนไปดูกันว่า หากมีปัญหาดวงตาแบบนี้ ควรเลือกทานสารอาหารหรือ วิตามินบำรุงสายตา แบบใด? เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย! ลูทีน
1. วุ้นในตาเสื่อม
ภาวะวุ้นในตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) เกิดจากวุ้นในตาเสื่อมสภาพ หดตัว หลุดลอก กลายเป็นตะกอนขุ่นลอยอยู่ในดวงตา ทำให้มองเห็นจุดดำ และเส้นคล้ายหยากไย่ลอยไปมา
“คนที่มีปัญหาวุ้นในตาเสื่อม ควรทานลูทีน (Lutein)” โดนลูทีน จัดเป็นวิตามินบำรุงดวงตาชนิดหนึ่ง พบได้ทั่วไปในผักและผลไม้ที่มีสีเขียวเข้มหรือสีส้มเหลือง เช่น ปวยเล้ง ฟักทอง แครอท มะละกอ
หากเลือกรับประทานเป็นอาหารเสริม ก็ควรเลือกอาหารเสริมดวงตา ที่มีปริมาณลูทีนไม่ต่ำกว่า 10 mg./แคปซูล เนื่องจากเป็นปริมาณที่เหมาะสมที่ควรได้รับต่อวัน หากทานน้อยกว่านี้ จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ได้
นอกจากนี้ ควรทานซิงค์ (Zinc) หรือสังกะสีร่วมด้วย เนื่องจากซิงค์เป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญของวุ้นตา จึงช่วยบำรุงให้วุ้นตาแข็งแรงมากขึ้น ช่วยฟื้นฟูดวงตาได้
ตัวอย่างอาหารที่มีซิงค์สูง เช่น หอยนางรม สัตว์เนื้อแดง พืชตระกูลถั่ว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต เป็นต้น นอกจากนี้ ควรทานซิงค์ร่วมกับคอปเปอร์ เพื่อประโยชน์ที่ดีกว่า
2. จอประสาทตาเสื่อม
โรคจอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration) เกิดจากจุดรับภาพชัด (Macular) บริเวณศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมสภาพ ทำให้มองเห็นภาพบริเวณกึ่งกลางไม่ชัด เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นเงาหรือจุดดำตรงกลางภาพ
“ผู้ที่มีปัญหาจอประสาทตาเสื่อม ควรทานลูทีนและกิงโกะ”
- การทานลูทีน จะช่วยบำรุงจุดรับภาพชัด ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของสารสีที่จอประสาทตา ทำให้การมองเห็นดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคจอประสาทตาเสื่อม
- การทานกิงโกะ หรือใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba) จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในลูกตา และฟื้นฟูจุดรับภาพชัดที่ได้รับความเสียหายจากจอประสาทตาเสื่อม
3. ตาแห้ง
สาเหตุของภาวะตาแห้ง (Dry eyes) เกิดได้จากหลายปัจจัย โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการจ้องจอเป็นเวลานาน ๆ ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ หรือปล่อยให้ลมเข้าตานาน ๆ
“คนที่มีปัญหาตาแห้ง ควรเลือกทานลูทีน วิตามิน D3 และเคอร์คิวมินอยด์ (Curcuminoid) ที่สกัดได้จากขมิ้นชัน” เนื่องจากสารอาหารเหล่านี้ ช่วยเพิ่มการผลิตน้ำตาได้ดี และทำให้น้ำตายึดเกาะกับดวงตาได้นานขึ้น จึงทำให้ดวงตาชุ่มชื้น จึงบรรเทาอาการตาแห้ง ตาล้าได้
ข้อควรรู้อีกอย่างหนึ่งคือ การทานเคอร์คิวมินอยด์ ร่วมกับพิเพอรีน (Piperine) ที่สกัดจากพริกไทยดำ จะยิ่งเสริมฤทธิ์ให้เคอร์คิวมินอยด์ทำงานได้ดีขึ้นถึง 2000% หรือประมาณ 20 เท่า
4.ปวดเบ้าตา ตาล้า จากการทำงานหนัก
อาการปวดเบ้าตา ตาล้า พบได้บ่อยในกลุ่มคนที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ควรเสริมด้วยการทานทานวิตามินบำรุงดวงตาอย่างลูทีน และวิตามิน B
โดยลูทีนจะช่วยลดอาการตาล้า ส่วนวิตามิน B มีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง จะช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด ลดความกังวลจากการทำงานหนัก
5. ปวดตา ปวดเบ้าตา จากความดันลูกตาสูง
“ควรทานลูทีนร่วมกับกิงโกะ” โดยลูทีนจะช่วยบำรุงดวงตา ลดอาการปวดตา ส่วนกิงโกะ มีคุณสมบัติช่วยลดความดันในลูกตา
6. ต้อกระจก ต้อลม ต้อเนื้อ
“คนที่มีปัญหาต้อกระจก ต้อลม ต้อเนื้อ ควรทานลูทีน” โดยจากงานวิจัยพบว่า การทานลูทีน สามารถป้องกันและชะลอการเกิดต้อกระจกได้
ในส่วนของต้อเนื้อและต้อลม การทานลูทีนจะช่วยชะลอการขยายตัวของต้อลม และ ต้อเนื้อ ทั้งยังช่วยลดการอักเสบ ลดการระคายเคืองบริเวณดวงตาที่เกิดจากต้อลมและต้อเนื้อได้อีกด้วย
7. ต้อหิน
ภาวะต้อหิน (Glaucoma) ส่วนใหญ่เกิดจากความดันลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้น จนไปกดทับเส้นประสาทตา ทำให้เส้นประสาทตาเกิดความเสียหาย ส่งผลให้การมองเห็นค่อย ๆ แคบลง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจตาบอดได่เลยทีเดียว
“คนเป็นต้อหิน ควรทานกิงโกะหรือใบแปะก๊วย” เนื่องจากกิงโกะมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทั้งระบบ จึงช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในลูกตา และลดความดันในลูกตาได้ดี
นอกจากนี้ ควรเสริมด้วยการทาน Resveratrol และ Quercetin ควบคู่ไปด้วย เพราะเมื่อทำงานร่วมกัน จะช่วยลดความดันลูกดาได้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น แถมยังช่วยลดการอักเสบ และต่อต้านอนูมูลอิสระที่มาทำร้ายดวงตา
8. ตาบอดกลางคืน
ตาบอดกลางคืน (Night blindness) เป็นความผิดปกติทางสายตาชนิดหนึ่ง ที่ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนในช่วงเวลากลางคืน หรือในที่แสงสลัว บางคนอาจมองเห็นไฟเป็นดวง ๆ หรือมีอาการตาแพ้แสงร่วมด้วย
“คนที่มีปัญหาตาบอดกลางคืน ควรทานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่” จากงานวิจัยพบว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีสารสำคัญชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม มีคุณสมบัติเด่นเรื่องป้องกันอาการตาบอดกลางคืน โดยจะช่วยเร่งการคืนสภาพของโรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นสารสีม่วงแดงที่พบอยู่ในเซลล์รูปแท่ง (rod cell) บริเวณจอประสาทตา มีหน้าที่ช่วยในการมองเห็นในที่มืด ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติในสภาวะที่มีแสงน้อย จึงช่วยให้ดวงตามองเห็นภาพในที่มืดได้ชัดเจนขึ้น
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีแอนโทไซยานินสูง ได้แก่ แบล็คเคอร์แรนท์ เอลเดอร์เบอร์รี่ อโรเนียเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ และแครนเบอร์รี่ เป็นต้น
“ใช้ดวงตากันหนักขนาดนี้ อย่าลืมบำรุงสายตา”
——————————————————–
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
>>>>บทความ – Herbitia
อ้างอิง
โรงพยาบาลสมิติเวช
megawecare